สิ่งที่ควรทราบและแนวทางป้องกันแก้ไข ไขมันในเลือดสูงหรือโคเลสเตอรอลในเลือดสูง มีความหมายเหมือนกัน โรคนี้มักจะไม่มีอาการหรืออาการแสดงให้เห็น จากการศึกษาพบและยืนยันว่า ภาวะโคเลสเตอรอลในเลือดสูงนี้ เป็นสาเหตุทำให้หลอดเลือดแดงแข็งและตีบและต่อมาจะทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด (เจ็บแน่นที่อกกล้ามเนื้อหัวใจตาย เสียชีวิตอย่างฉับพลัน) หรือเกิดโรคสมองขาดเลือด(อัมพาต อัมพฤกษ์) โคเลสเตอรอลในเลือด เป็นไขมันชนิดหนึ่งในร่างกายได้มาจาก การเผาผลาญอาหารที่รับประทานมากเกินไป หรืออาหารพวกไขมัน อีกส่วนหนึ่งได้มาจากร่างกายสังเคราะห์ขึ้นมาใช้เอง และยังเหลือเก็บสะสมเป็นพลังงานสำรองไว้ใช้ในโอกาสต่อไป 1. โคเลสเตอรอล ชนิดให้โทษ เรียก แอลดีแอล LDL ถ้ามีระดับสูงมากในเลือด จะนำโคเลสเตอรอลไปจับสะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดงทั่วร่างกาย ทำให้หลอดเลือดแดงแข็งและตีบแคบ ภาวะนี้จะไม่มีอาการรบกวนใด ๆ ทั้งสิ้น จะดำเนินอยู่นานเป็นสิบปีจนกระทั่งหลอดเลือดแดงตีบและอุดตัน จึงจะเกิดอาการต่าง ๆ ดังกล่าว 2. โคเลสเตอรอล ชนิดให้คุณประโยชน์ เรียน เฮชดีแอล HDL ทำหน้าที่จับสารโคเลสเตอรอลตามผนังหลอดเลือดเอาไปทำลายที่ตับ จากการศึกาษวิจัยพบว่าบุคคลที่มีระดับ เฮชดีแอลในเลือดสูงมักจะมีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่มีระดับ เฮชดีแอลในเลือดต่ำ ปัจจุบันเชื่อว่า “เฮชดีแอลช่วยป้องกันการเกิดหลอดเลือดแดงแข็งและตีบแคบ” ไขมันในเลือดผิดปกติ คือภาวะที่มีโคเลสเตอรอลชนิดให้โทษแอลดีแอลสูงและมีโคเลสเตอรอลชนิดให้คุณในเลือดต่ำ (เฮชดีแอล) ความผิดปกตินี้จะนำไปสู่ การเกิดหลอดเลือดแดงแข็งตีบแคบโดยเฉพาะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจและสมอง จึงทำให้มีโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือด สมองขาดเลือด จนเป็นอัมพาต อัมพฤกษ์ มะเร็งลำไส้ใหญ่ […]
Tag Archives: ผู้หญิง
เมื่อร่างกายส่งสัญญาณ…โรคภัย (Momypedia) โดย: พราว ทุกวันนี้เราต่างตั้งหน้าตั้งตาทำงานกันจนไม่มีเวลาดูแล และสังเกตตัวเองกันเลย ว่า สภาพร่างกายเราเป็นอย่างไร ทั้งที่บางครั้งอาการที่แสดงออกมาเล็กน้อยแล้วเราผ่านเลยไป อาจเป็นจุดกำเนิดโรคภัยร้ายแรงได้เหมือนกัน เช่น ถ้ามีอาการใจหวิว วิงเวียนหน้ามืด ใจสั่น เจ็บหน้าอก จุกแน่นเวลารับประทานอาหารอิ่ม หรือช่วงหลังอาหารเย็น มีอาการเหนื่อยง่าย และเจ็บแน่นบริเวณหัวใจ แสดงว่าหัวใจของคุณกำลังมีปัญหา และควรรีบตรวจเช็กเร็วพลัน เพราะมีโอกาสที่จะเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ถ้าจู่ ๆ น้ำหนักของคุณเพิ่ม หรือลดจากเดิมไปมาก หิวน้ำบ่อย กินจุ ปัสสาวะบ่อยและครั้งละมาก ๆ มีอาการอ่อนเพลีย วิงเวียน มึนงง (เนื่องจากมีน้ำตาลและไขมันไตรกลีเซอไรด์คั่งค้างอยู่ในเลือดสูง) ให้สงสัยว่า คุณมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเบาหวาน ถ้าเริ่มเบื่ออาหาร และรู้สึกไม่สบายคล้ายจะเป็นไข้ ไอมีเสมหะ หายใจลำบาก และแน่นหน้าอก บางครั้งอาจมีอาการเจ็บด้านข้างปอดร่วมด้วย คุณอาจมีปัญหาเกี่ยวกับโรคติดเชื้อในทรวงอก ถ้าปวดศีรษะบ่อย ๆ และอาการปวดค่อย ๆ เพิ่มมากขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นปวดคงที่ทั่วทั้งศีรษะ และยิ่งปวดหนักมากขึ้นเมื่อก้มศีรษะไปข้างหน้า ร่วมกับมีไข้ อาเจียน ไวต่อแสง และคอแข็ง ควรรีบไปพบแพทย์ด่วน […]
ยกดื่มชาวิเศษกว่าดื่มน้ำธรรมดา ให้คุณบำรุง สุขภาพได้มากกว่า วารสาร “โภชนาการบำบัด” แห่งสหภาพยุโรป รายงานผลการศึกษาว่า การดื่มชาวันละมากกว่า 3 ถ้วยขึ้นไป เป็นคุณแก่ร่างกายไม่แพ้กับการดื่มน้ำมากๆ และอาจจะให้ผลกับการบำรุงสุขภาพได้เหนือกว่า รายงาน ยังได้ปฏิเสธ เรื่องที่กลัวกันว่าการดื่มชาอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำด้วย โดยกล่าวว่า หากมันจะทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ก็คงจะพอๆกับการดื่มน้ำ แต่มันยังช่วยปกป้องโรคหัวใจและมะเร็งบางชนิดอีก ด้วย เพราะผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าสารฟลาโวนอยด์ อันเป็นสารประกอบหลักของชา มีสรรพคุณช่วยบำรุงสุขภาพ นอก จากนั้น ยังมีสารโพลีฟีนอลซึ่งเป็นตัวล้างพิษในชา เช่นเดียวกับในอาหารและพืชหลายชนิดด้วย สารนี้ช่วยป้องกันรักษาเซลล์จากอันตรายต่างๆ คณะ นักวิจัยอันมี ดร. คาร์รี่ รักซตัน นักโภชนาการสาธารณสุขแห่งคิงส์ คอลเลจกับคณะ กล่าวในรายงานว่า พบหลักฐานว่าการดื่มชาวันละ 3-4 ถ้วย จะช่วยลดโอกาสการเป็นโรคหัวใจ การศึกษาเมื่อก่อนหน้าก็เคยส่อว่าชาช่วยป้องกันมะเร็งด้วย แม้ว่าเรื่องนี้จะยังไม่สู้ชัดเจนนักนอกจากนี้ ยังเคยมีการศึกษาอ้างว่ามันยังช่วยป้องกันคราบฟัน และการทำให้ฟันผุกับช่วยเสริมกระดูกให้แข็งแรงด้วย. ข่าววิทยาการ หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ปีที่ 58 ฉบับที่ 18021 วันศุกร์ ที่ 25 พฤษภาคม 2550
หากถามว่าเครื่องดื่มชนิดใดมีผู้นิยมดื่มมากที่สุดในปัจจุบัน หลายคนอาจจะตอบว่า คงเป็นกาแฟ เพราะว่าปัจจุบันนี้ ทั้งชาวตะวันตกและชาวตะวันออกล้วนชอบดื่มกาแฟแบบติดกันเลิกไม่ได้ ถ้าวัดจากน้ำหนักของกาแฟที่ถูกบริโภค กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่มีการบริโภคมากที่สุด แต่ถ้าวัดจากจำนวนคน กาแฟยังมีจำนวนน้อยกว่า เนื่องจากมีเครื่องดื่มที่มีผู้ดื่มมากที่สุดประมาณครึ่งหนึ่งของประชากรโลก เลยทีเดียว เครื่องดื่มนั้น คือ ชา นั่นเอง คำว่า ชา ภาษาจีนกลางจะออกเสียงว่า ฉา ซึ่งไม่แตกต่างจากภาษาไทยมากนัก จีนเป็นชนชาติแรกที่รู้จักการดื่มชา ผลิตชาและทำไร่ชามานานกว่า2,000 ปีแล้ว มีตำนานมากมายเล่าถึงการกำเนิดของชาและประเพณีการดื่มชา ซึ่งมีเรื่องหนึ่งเล่ากันว่า นานมาแล้วในเมืองจีนเกิดการระบาดของอหิวาตกโรค ผู้คนล้มตายกันมาก มีหมอจีนคนหนึ่งสังเกตเห็นว่า สาเหตุของโรคระบาดมาจากน้ำสกปรกที่ชาวบ้านใช้ดื่มกิน จึงพยายามหาวิธีที่จะให้ชาวบ้านหันมาดื่มน้ำต้มสุกแทนน้ำดิบ โดยทดลองนำใบไม้หลายชนิดมาต้มน้ำร้อน เพื่อให้มีกลิ่นหอมและรสดีชวนดื่ม เมื่อชาวบ้านดื่มน้ำชากันมากขึ้น โรคห่าก็ค่อยๆ หมดไปในที่สุด ตั้งแต่นั้นมาชาวจีนก็นิยมดื่มน้ำชามาจนปัจจุบัน ตำนานที่เล่าถึงประวัติการดื่มชาในจีนมีมากหมาย ย้อนไปถึงเมื่อ 2000 ปีก่อน ในสมัยราชวงศ์ฮั่น มีอยู่วันหนึ่ง จักรพรรดิฮั่นอู่ดี้เสด็จล่าสัตว์ ขณะทรงพักผ่อนใต้ร่มไม้ และทรงต้มน้ำดื่มหน้ากองไฟ มีกระแสลมพัดพาเอาใบไม้หล่นลงในหม้อน้ำที่กำลังต้ม เมื่อจักรพรรดิทรงชิมน้ำที่ต้ม พบว่ามีรสชาติดีและมีกลิ่นหอมจากใบไม้ชนิดนั้น ซึ่งก็เป็นใบชาปัจจุบัน จากนั้นมา ชาก็กำเนิดขึ้นเป็นที่รู้จักและนิยมดื่มกันไปตราบจนถึงปัจจุบัน หนังสือโบราณเกี่ยวกับใบชาที่มีชื่อเสียงดังที่สุดชื่อว่า “ฉาจิง”แปลว่า ตำราของชา นับเป็นหนังสือเล่มแรกของโลกที่บันทึกถึงประวัติศาสตร์การกำเนิดชา […]